สเตนเลสกลุ่ม อนุกรม 200 เช่น 201,202 และ 205 เป็นสเตนเลสกลุ่มโครเมียม-แมงกานิส ที่มีส่วนผสมของนิกเกิลและโครเมียม ต่ำกว่าเกรด 300 แต่ที่ยังสภาพความเป็น ออสเทนไนด์เหมือนเกรด 304 ก็เนื่องจาก การเติมธาตุแมงกานิสลงไป สแตนเลสเกรด 200 บางแบบมีส่วนผสมของนิกเกิลน้อย ทำให้มีแม่เหล็กดูดไม่ค่อยติด เหมือนกับเกรด 304 จึงทำให้ผู้ซื้ออาจเข้าใจผิดว่า การที่แม่เหล็กดูดไม่ติดจะต้องเป็นสแตนเลส เกรด304 เสมอ ทำให้ผู้ขายบางรายหลอกขาย สแตนเลสเกรด 200 เป็นเกรดอนุกรม 300 ซึ่งเมื่อนำไปใช้งานแล้วก็จะพบว่ามีคุณสมบัติด้อยกว่า 300 อย่างมาก
โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์ การลดปริมาณนิกเกิลในสเตนเลส จำเป็นที่จะต้องลดปริมาณโครเมียมในสแตนเลสด้วย ซึ่งจะทำให้ สเตนเลสมีคุณสมบัติป้องกันการเกิดสนิมและ ต้านทานการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมน้อยลง ส่วนการเติมไนโตรเจนจะช่วยทำให้สเตนเลสมีความเป็นออสเทนไนท์ที่เสถียรมากขึ้น จึงทำให้สามารถเติมโครเมียมได้มากขึ้น แต่ว่าไนโตรเจนมีคุณสมบัติทำให้สเตนเลสแข็งขึ้น ดังนั้นการเติมไนโตรเจน และแมงกานิส ลงในสแตนเลสมากๆ ส่งผลให้ความแข็งของสแตนเลสสูงขึ้น โดยสามารถสูงถึง 30% ของความแข็งสแตนเลสเกรด 304 จึงทำให้ ต้องใช้แรงมาก เครื่องมือสึกหรอง่าย ต้นทุนการผลิตมาก ในการขึ้นรูป
โดยสรุปแล้ว แม้ว่า สแตนเลสกลุ่ม 200 รุ่นใหม่ เป็นเกรดที่แม่เหล็กดูดไม่ติด แต่คุณสมบัติหลายๆด้านของสเตนเลสกลุ่มนี้ไม่สามารถเทียบได้กับสเตนเลสใน กลุ่ม 300 เช่น คุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อน คุณสมบัติการขึ้นรูป และคุณสมบัติการเชื่อม ฯลฯ
เกรดสแตนเลส |
ข้อแนะนำ |
ข้อควรระวัง |
||
อนุกรม 200 |
201 |
- สแตนเลสเกรดอนุกรม 200 จะมีคุณสมบัติต้านทางการกัดกร่อนต่ำกว่าเกรด 300 ทำให้ควรใช้งานภายในอาคาร และในบริเวณที่มีการกัดกร่อนไม่สูง |
1. หลีกเลี่ยง การใช้งานนอกอาคาร ใกล้ทะเล หรือ แหล่งอุตสาหกรรม |
|
202 |
ดังนั้น การใช้งานสเตนเลส กลุ่มนี้ ต้องพิจารณาถึงสภาวะการใช้งาน และบรรยากาศการกัดกร่อนของสภาพแวดล้อม ไม่เหมาะกับการใช้ภายนอกอาคาร เนื่องจากทำให้มีโอกาสเกิดสนิมได้ เหมาะกับการใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน และต้องเป็นส่วนที่ไม่สัมผัสน้ำหรือความชื้นโดยตรง